การศึกษา
|
เสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรง
|
ส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน
|
ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่
|
จำนวน
|
จำนวน
|
จำนวน
|
|
ต่ำกว่าประถมศึกษา
|
53
|
50
|
32
|
ประถมศึกษา
|
42
|
33
|
21
|
มัธยมต้น
|
41
|
47
|
29
|
มัธยมปลาย
|
37
|
36
|
26
|
ปริญญาตรี
|
95
|
93
|
62
|
สูงกว่าปริญญาตรี
|
70
|
63
|
35
|
รวม
|
388
|
322
|
205
|
หมายเหตุ: ผู้ตอบสามารถตอบได้หลายข้อ
จากตารางที่ 3.4.3 พบว่าความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ ในกรณีไม่ยินยอมการออกร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับสถานีวิทยุชุมชน โดยจำแนกตามการศึกษา ปรากฏผลดังนี้
ระดับการศึกษาต่ำกว่าประถมศึกษา ส่วนใหญ่เสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรง คิดเป็นจำนวน 53 คน รองลงมาเป็นส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน50คนสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรง คิดเป็นจำนวน 47 คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหา คิดเป็นจำนวน 41 คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่ คิดเป็นจำนวน 32 คน และอื่นๆ คิดเป็นจำนวน 8 คน ตามลำดับ
การศึกษา
|
สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรง
|
ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหา
|
อื่นๆ
|
จำนวน
|
จำนวน
|
จำนวน
|
|
ต่ำกว่าประถมศึกษา
|
47
|
41
|
8
|
ประถมศึกษา
|
31
|
28
|
3
|
มัธยมต้น
|
38
|
34
|
5
|
มัธยมปลาย
|
31
|
23
|
14
|
ปริญญาตรี
|
76
|
67
|
24
|
สูงกว่าปริญญาตรี
|
58
|
49
|
13
|
รวม
|
281
|
242
|
67
|
ตารางที่ 3.4.3 แสดงจำนวนและค่าร้อยละของความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ต่อการแสดงความคิดเห็นในกรณีไม่ยินยอมการออกร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับสถานีวิทยุชุมชน โดยจำแนกตามการศึกษา (ต่อ)
ระดับประถมศึกษา ส่วนใหญ่เสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรง คิดเป็นจำนวน 42 คน รองลงมาเป็นส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน33คนสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรง คิดเป็นจำนวน 31คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหา คิดเป็นจำนวน28คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่ คิดเป็นจำนวน 21คนและอื่นๆ คิดเป็นจำนวน3คนตามลำดับ
ระดับมัธยมต้นส่วนใหญ่ส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน คิดเป็นจำนวน47คน รองลงมาเป็นเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรง คิดเป็นจำนวน41คน สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรง คิดเป็นจำนวน38คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหา คิดเป็นจำนวน 34คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่ คิดเป็นจำนวน 29คน และอื่นๆ คิดเป็นคจำนวน 5คน ตามลำดับ
มัธยมปลาย ส่วนใหญ่เสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรง คิดเป็นจำนวน37คนรองลงมาเป็นส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน36คนสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรง คิดเป็นจำนวน31คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่ คิดเป็นจำนวน26คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหา คิดเป็นจำนวน23คน และอื่นๆ คิดเป็นจำนวน14คนตามลำดับ
ระดับปริญญาตรีส่วนใหญ่เสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน95คน รองลงมาเป็นส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน93คน สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน76คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหา คิดเป็นจำนวน67คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่ คิดเป็นจำนวน62คน และอื่นๆ คิดเป็นจำนวน24คน ตามลำดับ
ระดับสูงกว่าปริญญาตรี ส่วนใหญ่เสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน70คน รองลงมาเป็นส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน63คน สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน58คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหาคิดเป็นจำนวน49คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่ คิดเป็นจำนวน35คน และอื่นๆ คิดเป็นจำนวน13คน ตามลำดับ
ตารางที่ 3.4.4 แสดงจำนวนและค่าร้อยละของความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ต่อการแสดงความคิดเห็นในกรณีไม่ยินยอมการออกร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับสถานีวิทยุชุมชน โดยจำแนกตามอาชีพ
อาชีพ
|
เสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรง
|
ส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน
|
ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่
|
จำนวน
|
จำนวน
|
จำนวน
|
|
รับราชการ
|
52
|
49
|
30
|
พนักงานรัฐวิสาหกิจ
|
20
|
14
|
7
|
พนักงานเอกชน
|
23
|
28
|
16
|
ค้าขาย
|
72
|
75
|
57
|
รับจ้าง
|
28
|
26
|
11
|
พ่อบ้าน แม่บ้าน
|
38
|
35
|
22
|
นักเรียน นักศึกษา
|
33
|
27
|
20
|
ข้าราชการเกษียณ
|
18
|
18
|
13
|
นักบวช
|
18
|
17
|
11
|
เกษตรกร
|
22
|
21
|
11
|
อาชีพอิสระส่วนตัว
|
11
|
10
|
6
|
หมายเหตุ: ผู้ตอบสามารถตอบได้หลายข้อ
จากตารางที่ 3.4.4 พบว่าความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ ในกรณีไม่ยินยอมการออกร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับสถานีวิทยุชุมชน โดยจำแนกตามการศึกษา ปรากฏผลดังนี้
อาชีพรับราชการเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรง คิดเป็นจำนวน52คน รองลงมาเป็นส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน49คน สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรง คิดเป็นจำนวน44คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหาคิดเป็นจำนวน33คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่ คิดเป็นจำนวน30คน และอื่นๆ คิดเป็นจำนวน8คน ตามลำดับ
ตารางที่ 3.4.4 แสดงจำนวนและค่าร้อยละของความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ต่อการแสดงความคิดเห็นในกรณีไม่ยินยอมการออกร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับสถานีวิทยุชุมชน โดยจำแนกตามอาชีพ (ต่อ)
อาชีพ
|
สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรง
|
ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหา
|
อื่นๆ
|
จำนวน
|
จำนวน
|
จำนวน
|
|
รับราชการ
|
44
|
33
|
8
|
พนักงานรัฐวิสาหกิจ
|
8
|
7
|
2
|
พนักงานเอกชน
|
24
|
18
|
7
|
ค้าขาย
|
68
|
67
|
15
|
รับจ้าง
|
23
|
18
|
7
|
พ่อบ้าน แม่บ้าน
|
37
|
28
|
5
|
นักเรียน นักศึกษา
|
22
|
25
|
11
|
ข้าราชการเกษียณ
|
11
|
10
|
1
|
นักบวช
|
16
|
10
|
2
|
เกษตรกร
|
18
|
16
|
3
|
อาชีพอิสระส่วนตัว
|
10
|
10
|
5
|
หมายเหตุ: ผู้ตอบสามารถตอบได้หลายข้อ
อาชีพพนักงานรัฐวิสาหกิจเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน20คน รองลงมาเป็นส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน14คน สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน8คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหาคิดเป็นจำนวน7คนและร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่ คิดเป็นจำนวน7คน และอื่นๆ คิดเป็นจำนวน2คน ตามลำดับ
อาชีพพนักงานเอกชนส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน 28 คน รองลงมาเป็นสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน24คน เสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน 23 คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหาคิดเป็นจำนวน 18 คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่คิดเป็นจำนวน16คน และอื่นๆ คิดเป็นจำนวน 7 คน ตามลำดับ
อาชีพค้าขายส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน 75 คน รองลงมาเป็นเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน 72 คน สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน68คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหาคิดเป็นจำนวน67คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่คิดเป็นจำนวน57คน และอื่นๆคิดเป็นจำนวน15คน ตามลำดับ
อาชีพรับจ้างเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน28คน รองลงมาเป็นส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน26คน สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน23คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหาคิดเป็นจำนวน18คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่คิดเป็นจำนวน11คน และอื่นๆคิดเป็นจำนวน7คน ตามลำดับ
อาชีพพ่อบ้าน แม่บ้านเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน38คน รองลงมาเป็นสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน37คน ส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน35คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหาคิดเป็นจำนวน28คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่คิดเป็นจำนวน22คน และอื่นๆคิดเป็นจำนวน5คน ตามลำดับ
อาชีพนักเรียน นักศึกษาเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน33คน รองลงมาเป็นส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน27คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหาคิดเป็นจำนวน25คน สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน22คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่คิดเป็นจำนวน20คน และอื่นๆคิดเป็นจำนวน11คน ตามลำดับ
อาชีพข้าราชการเกษียณส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน18คนและเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน18คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่คิดเป็นจำนวน13คน สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน11คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหาคิดเป็นจำนวน10คน และอื่นๆคิดเป็นจำนวน1คน ตามลำดับ
อาชีพนักบวชเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน18คน รองลงมาเป็นส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน17คน สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน16คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่คิดเป็นจำนวน11คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหาคิดเป็นจำนวน10คน และอื่นๆคิดเป็นจำนวน2คน ตามลำดับ
อาชีพเกษตรกรเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน22คน รองลงมาเป็นส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน21คน สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน18คน ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหาคิดเป็นจำนวน16คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่คิดเป็นจำนวน11คน และอื่นๆคิดเป็นจำนวน3คนตามลำดับ
อาชีพอาชีพอิสระส่วนตัวเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน11คนรองลงมาเป็นร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้รัฐบาลรับฟังและแก้ไขปัญหาคิดเป็นจำนวน10คน ส่งผู้แทนพบรัฐมนตรีที่เกี่ยงข้องเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนคิดเป็นจำนวน10คน สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้รับฟังเพื่อเสนอความเห็นของประชาชนผู้รับฟังต่อรัฐบาลโดยตรงคิดเป็นจำนวน10คน ร้องเรียน ส.ส. และ ส.ว. ในเขตพื้นที่คิดเป็นจำนวน6คนและอื่นๆคิดเป็นจำนวน5คนตามลำดับ
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|